ข้อสอบปลายภาควิชากฎหมายการศึกษา
ให้นักศึกษาทำทุกข้อลงในบล็อกของนักศึกษา (เวลา 8.00-11.30 น)
1. ให้นักศึกษาอธิบาย คำว่า ศีลธรรม จารีตประเพณี
และกฎหมาย เหมือนหรือต่างกันอย่างไร (5 คะแนน)
ตอบ
การในอธิบายเรื่องความเหมือนและความต่างของคำสามคำดังปรากฏข้างบน กระผมขอเริ่มต้นที่การอธิบายความหมายของคำแต่ละคำก่อนและจะกล่าวถึงความเหมือนและความแตกต่างในภายหลัง
ศีลธรรม คือ
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ที่จะเกิดขึ้นภายในร่างกายมนุษย์ซึ่งเรานับว่าเป็นนามธรรมแต่จะเห็นได้เมื่อมีการแสดงออกเท่านั้น
จารีตประเพณี คือ
ระเบียบแบบแผนที่มนุษย์ยึดถือและปฏิบัติสืบเนื่องมาเป็นเวลานาน โดยจะเป็นการแสดงออกที่เห็นได้อย่างชัดเจน
เช่นการถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน การยกมือทักทายเมื่อเจอผู้อื่น
กฎหมาย คือ
กฎเกณฑ์ที่กำหนดลักษณะความประพฤตของแต่ละบุคคลในสังคม ซึ่งบุคคลนั้น ๆ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายนั้น
ๆ อย่างเคร่งครัดเพราะถ้าหากละเมิดหรือกระทำการใด ๆ ที่ผิดกฎหมายจะต้องได้รับโทษตามที่บัญญัติเอาไว้
กฎหมายมีต้นกำเนิดมาจาก
ศีลธรรมและจารีตประเพณีจึงทำให้ทั้งสามคำนี้มีความเหมือนกันแต่กฎหมายจะมีความเป็นรูปธรรมมากกว่าทั้งศีลธรรมและจารีตประเพณี
ทั้งนี้เพื่อความชัดเจนข้าพเจ้าขอแยกอธิบายไปเป็นประเด็น ๆ
ความแตกต่างของกฎหมายกับจารีตประเพณี
- กฎหมายเป็นข้อบังคับของรัฐแต่จารีตประเพณีเป็นข้อบังคับของชนชั้นใดชั้นหนึ่ง
- ถ้าผู้ใดทำผิดกฎหมายจะถูกลงโทษตามที่บัญญัติไว้
แต่ถ้าหากทำผิดจารีตประเพณีจะถูกว่า กล่าวตักเตือน
- กฎหมายสารถกำหนดความประพฤติของมนุษย์ได้เพียงบางอย่าง
แต่จารีตประเพณีจะ ครอบคลุมทุกด้านที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิต
ความแตกต่างของกฎหมายกับศีลธรรม
- กฎหมายเป็นข้อบังคับของรัฐ
แต่ศีลธรรมเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากจิตใจของมนุษย์
- กฎหมายเป็นสิ่งที่มีลายลักษณ์อักษรสามารถเปิดอ่านได้ตลอดเวลาแต่
ศีลธรรมไม่เป็นลาย ลักษณ์อักษรและยากที่จะเข้าใจ
- กฎหมายถ้าหากผู้ใดฝ่าฝืนจะถูฏลงโทษแต่สำหรับศีลธรรม
ถ้าหากผู้ใดผิดศีลธรรมจะมี ผลกระทบแค่กระทบกระเทือนจิตใจของผู้คนนั้น
ๆ
ดังนั้นสามารถสรุปได้ว่า
ทั้ง ศีลธรรม
จารีตประเพณีและกฎหมายล้วนมีความเหมือนและความต่างซึ่งสามารถแยกได้อย่างชัดเจน
แต่ขอให้พึ่งรู้ว่า กฎหมายมีต้นกำเนิดมาจากศีลธรรมและจารีตประเพณีอันดีงามของเรา
ซึ่งถ้าหากทุกคนมีการยึดถือปฏิบัติตาม ศีลธรรมอันดีงามและจารีตประเพณีที่มีคุณค่า
กฎหมายในประเทศนั้น ๆ ก็แทบจะไม่มีผลใด ๆ เลย
2. คำว่าศักดิ์ของกฎหมาย คืออะไร มีการจัดอย่างไร โปรดยกตัวอย่าง รัฐธรรมนูญ คำสั่งคณะปฏิวัติ คำสั่งคสช. พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา พระราชบัญญัติ เทศบัญญัติ
พระบรมราชโองการ กฎกระทรวง (5 คะแนน)
ตอบ จากการศึกษาข้อมูลพบว่า มีนักวิชาการได้ให้ความหมายเกี่ยวกับคำว่า
“ศักดิ์ของกฎหมาย” ไว้อย่างมากมายซึ่งผลสรุปได้ดังนี้ “ศักดิ์ของกฎหมาย” คือ ลำดับฐานะหรือความสูงต่ำของกฎหมาย
ในทางด้านกฎหมายการจัดลำดับฐานะเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่งเพราะถ้าหากกฎหมายไม่มีการแบ่งฐานะ
เวลาเกิดเหตุการณ์ใดหรือนำไปใช้งานจะทำให้เกิดความสับสน
โดยการจัดลำดับฐานะทางกฎหมายนี้
กฎหมายที่มีฐานะต่ำกว่าจะขัดกับกฎหมายที่มีฐานะสูงกว่าไม่ได้
ดังนั้นในการออกกฎหมายที่ต่ำกว่าจะต้องออกให้สอดคล้องกับกฎหมายที่สูงกว่าเพราะถ้าหากขัดแย้งกันจะทำให้กฎหมายนั้น
ๆ ไม่มีผลบังคับใช้
ในส่วนของลำดับฐานะความสูงต่ำของกฎหมาย
มีการแบ่งลำดับขั้นที่แตกต่างกันออกไปซึ่งขึ้นอยู่กับนักวิชาการคนนั้น ๆ
แต่ที่มีความชัดเจนคือ ระดับชั้นของกฎหมาย(ศรีราชา เจริญพานิช,2548 ) ที่สามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้
โดยกฎหมายที่มีระดับสูงสุดคือ
รัฐธรรมนูญ คำสั่งคณะปฏิวัติและคำสั่ง คสช. โดยที่รัฐธรรมนูญจะเป็นแม่บทของกฎหมายที่มีศักดิ์สูงสุด
และในส่วนของคำสั่งคณะปฏิวัติและคำสั่ง คสช.
จะเป็นกฏหมายที่มีศักดิ์เทียบเท่ากับรัฐธรรมนูญถ้าหากมีการประกาศใช้และเมื่อประกาศใช้แล้ว
รัฐธรรมนูญฉบับนั้น ๆ จะถูกยกเลิกใช้ในทันที
รองลงมาจะเป็นกฎหมายที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายบิหารในการออก
โดยจะมีกฎหมายที่สำคัญอยู่สี่ส่วนคือ ประมวลกฎหมาย พระราชบัญญัติ
พระราชกำหนดและพระบรมราชโองการให้บังคับ
ถัดมาคือ
กฎหมายที่ฝ่ายบริการเป็นผู้ออก โดยในส่วนนี้จะมีพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวงและระเบียบ
ข้อบังคับประกาศ
และกฎหมายระดับสุดท้ายคือ
กฎหมายที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ออก เช่น พระราชบัญญัติเทศบาล
ข้อบัญญัติจังหวัด ข้อบังคับองค์การบริหารส่วนตำบล
จากที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า
ศักดิ์ของกฎหมาย คือ ลำดับฐานะของกฎหมายที่จะมีการแบ่งลำดับสูง
ต่ำกันไปตามความสำคัญ
ในส่วนของลำดับฐานะจะแบ่งตามฝ่ายที่อออกกฎหมายแต่ก็มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายแม่บทที่ถ้าหากออกกฎหมายใดมาก็จะต้องไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ
3. แชร์กันสนั่น ครูโหดทุบหลังเด็กซ้ำ
เหตุอ่านหนังสือไม่ได้ตามรายงานระบุว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "กวดวิชา
เตรียมทหาร" ได้แชร์ภาพและข้อความที่เกิดขึ้นกับเด็กชายคนหนึ่ง
ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นสภาพแผ่นหลังของเด็กที่มีรอยแดงช้ำ
โดยเจ้าของภาพได้โพสต์ไว้ว่า
"วันนี้...ลูกชายวัย 6 ขวบ อยู่ชั้น ป.1 ถูกครูที่โรงเรียนตีหลังมา
สภาพแย่มาก..(เหตุผลเพราะอ่านหนังสือไม่ค่อยได้) ซึ่งคนเป็นแม่อย่างเรา
เห็นแล้วรับไม่ได้เลย มันเจ็บปวดมาก...มากจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
น้ำตาแห่งความเสียใจมันไหลไม่หยุด ถ้าเลือกได้ก็อยากจะเจ็บแทนลูกซะเอง
พาลูกไปหาหมอ หมอบอกว่า แผลที่ร่างกายเด็กรักษาหายได้
แต่แผลที่จิตใจเด็กที่ถูกทำร้าย โดนครูทำแบบนี้ มันยากที่จะหาย
บาดแผลนี้มันจะติดที่..หัวใจ..ของน้องตลอดไป" จากข้อความดังกล่าวในฐานะนักศึกษาเรียนวิชากฎหมายการศึกษาคิดอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ซึ่งทุกคนจะต้องไปเป็นครูในอนาคตอันใกล้นี้ ให้อภิปรายแสดงความคิดเห็นปรากฏการดังกล่าวนี้ (5 คะแนน)
ตอบ
จากเหตุการณ์ข้างต้นเป็นเหตุการณ์ที่โด่งดังในโลกโซเซียลอยู่หลายวัน
ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง สืบเนื่องมาจากครูใช้อารมณ์ในการลงโทษเด็กนักเรียนซึ่งขัดกับระเบียบของกระทรวงที่มีการยกเลิกการลงโทษเด็กด้วยการเฆี่ยนตีมาเป็นเวลานับทศวรรษซึ่งโดยตอนนี้ครูทำได้แค่เพียง
ว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน
ตัดคะแนนความประพฤติและให้นักเรียนทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ
มีความผิดทั้งในด้านรวินัยข้าราชการ
ผิดจรรยาบรรณวิชาชีพและยังทำร้ายจิตใจและร่างกายของผู้อื่นอีกด้วย
ดังนั้นครูจึงควรคิดให้ดีและต้องระงับจิตใจของตัวเองให้ได้
ในฐานะที่กระผมเป็นนักศึกษาที่ได้เล่าเรียนวิชากฎหมายการศึกษากระผมคิดว่าทางที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าว
คือ การระงับจิตใจของตนเองซึ่งเป็นเรื่องของศีลธรรมภายในจิตใจของแต่ละคน
โดยผู้เรียนแค่มีปัญหาเรื่องการอ่านหนังสือไม่ค่อยได้
ควรก็ควรจัดหากิจกรรมหรือเปลี่ยนรูปแบบการสอนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนได้ฝึกพูดมากขึ้น
เพราะบางครั้งเด็กอาจจะเขิลอายเวลาพูดกับครู
และในส่วนของตัวผมเองการเป็นครูไม่ใช่ศักดิ์แต่จะสอน ๆ
ให้ผู้เรียนมีความรู้แต่ต้องสอนคุณธรรม จริยธรรม
การประพฤติที่ดีงามให้กับผู้เรียนด้วย เพราะเด็กนักเรียนจะดู สังเกต
การปฏิบัติตัวของครู ดังนั้นก่อนสิ่งอื่นใด ครูจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในทุก ๆ
เรื่อง
4. ให้นักศึกษา
สวอท.ตัวนักศึกษาว่าเราเป็นอย่างไร (5 คะแนน)
ตอบ ในการจัดทำ SWOT วิเคราะห์ตัวเอง ตัวผู้เรียนสามารถวิเคราะห์
จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรค ได้ดังนี้
จุดแข็ง(strength)
1. เป็นคนมีเหตุมีผล
2. จริงจังกับการทำงาน
3. เป็นคนใจเย็น
มีความอดทนต่อสิ่งกดดันค่อนข้างสูง
4. เป็นคนจริงใจกับผู้คนรอบข้าง
ไม่กินเล็กกินน้อย
5. เป็นนักวางแผนในทุก ๆ
ด้าน ไม่ว่า การใช้ชีวิต การเงิน การทำงานและความรัก
6. เป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์พร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายใหม่
ๆ
7. กล้าเสี่ยง
กล้าลองทำสิ่งที่แปลกใหม่
8. มีความถนัดในทางด้านภาษาอังกฤษและมีความสามารถในด้านเนื้อหาวิชา
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
9. เรียนวิชาเอกภาษาอังกฤษ
คณะครุศาสตร์ ซึ่งเป็นสาขาที่สามารถออกไปทำงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับทางด้านภาษาได้
จุดอ่อน (weakness)
1. เป็นคนที่ค่อนข้างเขิลอาย
2. ใช้เงินฟุ่มเฟือย
3. เป็นคนขี้เกียจ
4. ทำอะไร ทุ่มเทหมดตัว
5. พูดจาตรงไปตรงมาแบบขวานผ่าซาก
โอกาส (opportunities)
1. ครอบครัวสนับสนุนในด้านการศึกษาอย่างเต็มที่
2. มีครอบครัวที่อบอุ่น
ที่สามารถพูดคุยได้ในทุก ๆ เรื่อง
3. รู้จักบุคคลหลากหลายอาชีพ
4. มีเพื่อนที่ดีและคอยให้กำลังอย่างสม่ำเสมอ
5. ภายใน 1-2 ปีข้างหน้ามีครูที่จะเกษียณเยอะซึ่งง่ายต่อการสอบบรรจุ
อุปสรรค (threat)
1. มีคู่แข่งในการสอบบรรจุค่อนข้างเยอะ
2. ครอบครัวไม่ค่อยมีสภาพคล่องทางด้านการเงินหากเรียนจบแล้วต้องการศึกษาต่อ
5.
ให้นักศึกษาวิจารณ์อาจารย์ผู้สอนวิชานี้ในประเด็นการสอนเป็นอย่างไร บอกเหตุผล
มีข้อดีและข้อเสีย (5 คะแนน)
ในการเรียนการสอนวิชานี้โดยส่วนใหญ่เป็นวิชาที่ผู้เรียนจะต้องไปศึกษาด้วยตัวเองและครูทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำ
ตอกย้ำ ให้แนวทางในการศึกษาข้อมูล
ซึ่งจากการการเรียนที่ผ่านมาพบว่าอาจารย์มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาประกอบการสอนซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมาก
ๆ มีการสั่งงาน
แนบไฟล์เนื้อหาในเว็บบล็อกที่สามารถเข้าถึงได้อย่างตลอดเวลาแต่อย่างไรก็ตามกระผมมีปัญหาทางด้านสายตาจึงไม่ค่อยชอบอยู่กับคอมพิวเตอร์นานเท่าไหร
และเมื่อกล่าวถึงข้อดี ข้อเสียสามารถสรุปได้ดังนี้
ข้อดี
1. เป็นคนตรงเวลา
2. เป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักศึกษาในทุก ๆ ด้าน
3. มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน
4. มีการแจ้งข้อมูลล่วงหน้าก่อนที่จะทำการใด ๆ
5. มีการจัดอบรมเรื่อง การทำ SWOT เพื่อเพิ่มทักษะความสามารถของผู้เรียน
6. มีการประเมินทักษะความรู้
ความสามารถของผู้เรียนหลากหลายทิศทาง
ข้อเสีย
1. ไม่มีเอกสารประกอบการเรียนการสอนแบบรูปเล่ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น