วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

อนุทินที่ 3


ข่าวเกี่ยวกับกฎหมายการศึกษา




          พ่อแม่ดช.วัย 14 รุดแจ้งจับครูใช้หวายเฆี่ยนหลัง-เตะกกหู ไม่พอใจเจาะยางรถผอ.รร.
          25 มิ.ย. นางสุจิตย์ และนายสราวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) สองสามีภรรยา นำตัวด.ช.ธี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ลูกชาย นักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลบางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.วรรณโณ จิตภิบาล ร้อยเวรสภ.หลังสวน ว่าลูกชายถูกครูเฆี่ยนตีหลังจนเกิดบาดแผลหลายแห่ง แถมยังโดนครูคนเดียวกันเตะเข้าที่กกหูด้านซ้าย

          เด็กชายเปิดเผยว่า เมื่อเกือบ 10 วันที่ผ่านมาตนกับเพื่อนรวมกัน 10 คนได้นำไม้ที่ติดตะปูไปวางไว้ที่ล้อรถผู้อำนวยการโรงเรียนจนทำให้ยางรถยนต์รั่ว ต่อมาวันรุ่งขึ้นผอ.เรียกพบ ตนก็ได้ยอมรับผิดและจะนำธูปเทียนมาขอขมา แต่ผอ.โรงเรียนบอกไม่ยอมรับการขอขมา ให้รออาจารย์ฝ่ายปกครองเป็นผู้พิจารณาโทษ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนและเพื่อนๆจำนวน 10 คน ถูกเรียกตัวไปพบอาจารย์ฝ่ายปกครองผู้ชาย
          เด็กชายกล่าวว่า ตนและเพื่อนที่ร่วมกันวางแผน นั่งขัดสมาธิที่พื้น สักพักอาจารย์ฝ่ายปกครองก็ใช้เท้าเตะที่กกหู ตนได้เอามือขึ้นป้องหูไว้ แต่ก็ล้มลงกับพื้นรู้สึกมึนหัวและ เจ็บบริเวณกกหู อาจารย์ปกครองบอกให้ยืนขึ้น เอาไม้หวายขนาด 1 เมตร หวดด้วยความรุนแรงเข้าที่กลางหลังและแขนจำนวน 5 ครั้ง จนตนเองต้องบอกกับอาจารย์ว่าไม่ไหวแล้ว พร้อมทั้งยกมือไหว้ อาจารย์ปกครองจึงหยุดตี และปล่อยให้ตนกลับเข้าห้องเรียนตามปกติ
          เด็กชายกล่าวว่า จนกระทั่งกลับบ้าน ทนความเจ็บปวดทั้งหมดไม่กล้าบอกพ่อแม่ เนื่องจากกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่ จนกระทั่งมาถูกแม่สังเกตเห็นและจับอาการได้ พาไปหามอให้รักษาบาดแผลในวันนี้ จึงพากันมาแจ้งความ
          แม่เด็กกล่าวว่า จะขอดำเนินคดีทางอาญา และร้องเรียนทางวินัยจนถึงที่สุด จะไม่ยอมรับชดใช้ค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว อยากถามอาจารย์ว่าทำไมถึงทำกับนักเรียนที่เป็นลูกศิษย์ได้โหดร้ายรุนแรงมากถึงขนาดนี้ ลูกของตนเองเป็นเด็กที่มีผลงานทางด้านการศึกษา และความดีงามมาก จนได้รับประกาศนียบัตรมากมายทั้งระดับจังหวัดและระดับประเทศ การกระทำที่เป็นความผิด เด็กก็เข้าไปยอมรับกับผอ.แล้ว ยังไม่ยอมรับการขอขมา ถ้าบอกพ่อแม่ถึงความเสียหายของยางรถยนต์ พ่อแม่ก็พร้อมรับผิดชอบ ครอบครัวเราสอนให้ลูกเป็นคนดีและมีความรับผิดชอบตลอด ในบางครั้งเด็กอาจเล่นพิเรนทร์ไปตามวัยแต่ ก็ไม่ควรลงโทษรุนแรงแบบนี้
          พ่อเด็กชายกล่าวว่า “เงินไม่สามารถซื้อศักดิ์ศรีคนอย่างพวกเราได้ ดังนั้นจะขอดำเนินคดีและทางวินัยของครูคนดังกล่าวถึงที่สุดทุกทาง ถึงจะต้องไปยืนประท้วงหน้าศาลากลางจังหวัดก็จะทำเพื่อให้ มีการพิจารณาความเป็นครู และผู้อำนวยการรร.แห่งนี้
          ร.ต.อ.วรรณโณได้รับคำแจ้งความ พร้อมทั้งส่งตัวเด็กชายไปรับใบรับรองแพทย์ ทางด้านอาการและบาดแผลที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งจะเรียกตัวครูปกครอง และผู้อำนวยการรร.มาสอบปากคำ เพื่อดำเนินคดีต่อไป


วิเคราะห์ข่าว
            จากการอ่านข่าวข้างต้นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกหดหู่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการกระทำของครูฝ่ายปกครองที่มีการลงโทษนักเรียนด้วยความรุนแรง คือ การใช้เท้าเตะไปที่กกหูและการให้ไม้หวายเฆี่ยนตีนักเรียนทำให้นักเรียนมีอาการฟกซ้ำและมีบาดแผลตามลำตัว ถ้าหากพิจารณาในตัวกฎหมายของการลงโทษเด็กนักเรียนจะเห็นได้ว่า ครูไม่มีสิทธิ์ที่จะลงโทษทุบดีเด็กนักเรียนแต่อย่างใด ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเป็นการลงโทษเพียงเล็กน้อยหรือรุนแรงก็ตาม ในการกระทำครั้งนี้ผู้ปกครองสามารถดำเนินการฟ้องร้องและดำเนินคดีต่อครูฝ่ายปกครองได้ในทันทีเพราะเป็นการลงโทษที่รุนแรงและมีอันตรายอันจะถึงแก่เสียชีวิตได้ ในขณะเดียวกันการกระทำของนักเรียนพบว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างมาก เพราะเป็นการทำลายข่าวของให้ได้รับความเสียหาย จากทั้งหมดที่กล่าวมาพบว่าในการแก้ไขปัญหานี้จะต้องไม่แก้ไขเพียงที่ครูเพียงคนเดียว แต่ต้องแก้ไขปัญหาที่ตัวผู้เรียนด้วย โดยผุ้เรียนจะต้องมีการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้มากกว่านี้ และในส่วนของครูเอง ครูจะต้องมีความอดทน อดกลั้น หาวิธีลงโทษวิธีการใหม่ที่ทำให้ผู้เรียนได้สำนึกผิดและได้เรียนรู้ไปในขณะเดียวกัน เพราะการลงโทษบางกิจกรรมจะส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักตัวตนของตนเอง มีความสนิทกับเพื่อนฝูงมากขึ้นด้วย













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น